ลักขณา วชิรวาทการ นักรบรุ่นที่ ๑ ของชมรมมังสวิรัติ แม้ไม่มีร่างเธอแล้วในวันนี้ แต่วิถีชีวิตบนเส้นทางแห่งสัมมากัมมันตะ ที่เธอพากเพียร ปฏิบัติเป็นเวลา ๖ ปี ได้ทิ้งไว้ให้เราศึกษา จากบันทึกประจำวัน ของเธอดังต่อไปนี้…
วันที่ ๑๘ มิ.ย. ‘๓๒
ช่วงนี้เราไม่สบายกาย เลยรู้สึกอึดอัด-แน่น แต่ จิตใจสงบนิ่งดี คิดว่าวันนี้ก็คงจะเอา แต่ หลับแน่นอน เป็นช่วงที่เราทำสมถธุระกันมาก จนเราต้องระวังความเฉื่อย
ชีวิตนี้สั้นนัก เวลาผ่านไป เราได้อะไรบ้าง
ช่วงนี้รู้สึกป่วยมากทางกาย ป่วยจนไม่มีแรง เสียดท้องทุกวัน แต่ สบายๆ หน่อยที่ทำใจได้
วันที่ ๒๓ มิ.ย. ‘๓๒
เราประเภทบ้าทำงาน ถ้าวิบากไม่ตามมา ไม่มีทางได้หยุด เราเจอ แต่ ละวิบากหนักจังเลย มีแรงเมื่อไหร่ ใจเราติดเครื่องรออยู่แล้ว...
จิตใจที่ดีจะมีได้ ก็เพราะเกิดจากการหมั่นพิจารณา หมั่นฝึกปรือ สาเหตุสำคัญคือ มองใจเรา เราเลิกหลงตัว มีความสุขที่สุด
อย่ามองหาเรื่อง มองก็มองอย่างยอมแพ้จริงๆ เราเลิกให้สนิท ยอมให้ได้มากขึ้น มากขึ้นไปเรื่อยๆ สงครามจะไม่เกิดขึ้นที่อื่น นอกจากในสมรภูมิใจเราเอง เราจะอยู่ กับใจไม่เผลอสติ ไม่พูดพาดพิงถึง ให้ตายสนิทจากใจเราให้สนิท เลิกมองคนอื่นจงมองตน
คติวันนี้ "มาแข่งกันทำความดี แต่ อย่ามีกิเลสแข่งดี"
วันที่ ๒๖ มิ.ย. ‘๓๒
ชีวิตที่ผ่านไปโดยไม่มีโจทย์ ขาดการพิจารณา เป็นชีวิตที่ไร้ค่าที่สุด เราเจอทุกวัน ถ้าโง่เราก็จะกดข่ม กระจกเงา ของใจ ส่องให้เราเห็นอะไรบ้าง
มีใครจะโชคดีเท่าเรา ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ถ้าเราขี้เกียจ หรือ หยาบ จะมีชีวิตผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
วันนี้ เรามีโจทย์ที่ต้องทำแยะเลย มนุษย์อยู่โดยลำพังจะไม่มีวันได้ขุดคุ้ยกิเลสออกมาเลย แต่ ถ้าเราหมุนไปตามสิ่งแวดล้อม เราก็งง ยากนะที่จะเห็น เวลาเราไม่มีแรงทำงานนอก เราว่าแย่แล้ว แต่ ถ้าวันไหน ใจมันตื้อๆ ขี้เกียจทำงาน ใจยิ่งวังเวง
ฉะนั้นเราเวลาพบ แต่ ข้อเสีย ของเรา นับว่ายังดี มีงานยากๆ ต้องทำ
วันที่ ๒ ก.ค. ’๓๒
คิดถึง "ชาวแม่ให้ชมร." ยิ่งเมื่อวานเย็น ได้ฟังจาก เพื่อนๆ เล่าเรื่องในร้าน(ชมร.) เราอยากกลับไปร้านอีกแล้ว แม้จะกลัวโรคกำเริบ แต่ เราจะลองประมาณดู ในช่วงแห่งการเผชิญมรสุม ของความเจ็บป่วย เพื่อพิสูจน์ความรู้ที่พระท่านสอน กับความพากเพียร ของเรา
วันที่ ๘ ก.ค. ‘๓๒
ราควรจะนอนนะ แต่ อดไม่ได้ จิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง เราป่วยซะจนเราน่าจะได้อะไรบ้างนะจากความเจ็บป่วย พอเจ็บมากๆ มันมีจิตผีบอกว่า เรียกแท็กซี่กลับบ้าน แต่ นึกได้ว่า ถ้ากลับบ้านก็เรียกว่า ท้อถอย ปาราชิก ปราชัย ทำใจในใจให้ดี และ ตรง คนเกิดมาเป็นมวล ของโลกียะก่อนจริงนะ !
คติวันนี้ "อุปสรรค คือ โจทย์ที่จะพาไปสวรรค์"
วันที่ ๒๐ ก.ค. ‘๓๒
วันนี้สุขภาพดูดีขึ้น แต่ ตอนเช้าขี้เกียจลุกขึ้น แทบจะใช้เสียมแซะ เรายังฟุ้งซ่านเก่งอยู่ เราค่อยๆ ขยันทำงานให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อทดสอบกำลัง
พ่อท่านเทศน์ "ทำดีได้ดีตรงไหน"
ขนาดทำดีอยู่วิบากยังตามเหย็งๆ ถ้าขืนไปทำชั่ว ซวยแน่ๆ ทำหนี้ทิ้งไว้ในโลก เกิดมามี แต่ เจ้าหนี้
คติวันนี้ "ระมัด ระวัง สังวร ทั้งกาย ทั้งใจ"
"ปัญหาใหญ่ที่เป็นจุดบอด ของพวกเรา คือไม่ยอมรับคำติงเตือน ให้สำนึกเสมอว่า เราเป็น..นักปฏิบัติธรรม"
วันที่ ๒๑ ก.ค.’๓๒
สภาวจิตไม่ดีนัก เพราะช่วงนี้ สังขารดึงให้จิตวิญญาณไม่พากเพียรเลย เราจะรู้สึก เราขาดบางส่วน ของชีวิตไป การอยู่ในโลกมี แต่ หัวโดยไม่มีตัวขับเคลื่อนไม่ได้ นับวันเรายิ่งชัดในการรู้จักตนเอง
การไปร.พ.ศิริราชบ่อยๆ ได้ให้ผัสสะ กับเรา ที่เรากำลังปรับปรุงอยู่ เราอ่อนแอลงไปมากในบางจุด แต่ ก็ฉลาด รู้จักหน้ากิเลสเพิ่มขึ้นหลายตัว สิ่งที่ดีที่สุด หลังจากรู้จักกิเลสแล้ว จัดการ กับมันด้วยสำนึก อย่าปล่อยให้โดนจี้แล้วค่อยจัดการ กับมัน
วันที่ ๒๓ ก.ค. ‘๓๒
พ่อท่านเทศน์เรื่อง "ศาสนาคืออะไร" กรรมที่เราทำในชาตินี้ เช่น พฤติกรรม พิธีกรรม กิจกรรม รู้เท่าทันในกรรม ในอารมณ์ รู้จิต มีเจโตปริยญาณ เวลาที่จิตนิ่ง ฟังเข้าใจชัดมาก และ มีความสุข จิตสงบลงทันที
พฤติกรรมที่ถูกต้องสอดคล้อง กับศีลธรรม ทำให้เราได้ปรับปรุง กาย วาจา ใจพิธีกรรมที่ดีงาม คือการฝึกฝน ศึกษา กระทำ เพื่อรังสรรค์สังคม ไม่ได้ทำ เพื่อ ลาภ ยศ สรรเสริญ ย้ำจุดนี้ให้ดีนะ
ศาสนาสากล...โลกียะเป็นสรณะ
ศาสนาพุทธ...ปล่อยวาง ลาภ ยศ เพื่อให้ชีวิตมีคุณค่า
คติวันนี้ “วัตถุไม่สามารถทำให้จิตวิญาญญาณถึงความสงบสุขอย่างแท้จริง”
วันที่ ๒๕ ส.ค. ‘๓๒
กว่าจะแซะสังขารให้เดินมาศาลาได้ มันจะหลับลูกเดียวเพราะฤทธิ์ยา ตราบใดที่ยังอยู่วัด ควรอนุวรรตตามกิจ ของวัด ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยว่ากันใหม่
ฟังธรรมวันนี้ ท่านว่า “คนที่โง่ที่สุด ก็คือ คนที่เที่ยวไปรู้คนอื่นหมด แต่ น่าสงสารที่ไม่รู้จักตนเอง มีก็ แต่ ความหลงตนเอง”
ถึงเราจะอ่อนแอ ก็ยอมรับว่า เรามีจุดอ่อน ดีกว่าไปเที่ยวระรานผู้อื่นที่ชี้จุดอ่อน ของเรา
คติวันนี้ “เราต้องตั้งจิตไว้ว่า จะยินดี กับทุกปัญหาที่เราเผชิญ”
วันที่ ๒๘ ก.ค. ‘๓๒
ช่วงนี้รอฟังผล ให้พี่ชุติดต่อรุ่นพี่ให้ช่วยหาเตียงที่โรงพยาบาลให้
การไม่หมั่นพิจารณาใจ ทำให้เราเริ่มเบลอ เราเจอการยัดเยียด เราไม่ชอบฉันใด ก็อย่ายัดเยียดผู้อื่นฉันนั้น
รากำลังต่อสู้ กับใจตัวเองอย่างหนัก เราอดไป ทนมา ป่วยหลายเดือนแล้ว จนเราจะหมดความอดทนแล้ว ถ้าอดทนอีกนิดเดียว ก็จะผ่านแล้ว อดทนอีกนิดเถอะ
คติวันนี้ “ไม่มีการท้อถอย ไม่มีข้ออ้าง ทำซ้ำซาก ถ้าหวังอะไรก็ต้องเบื่อ แต่ ทำด้วยไม่หวัง กลับไม่เบื่อ”
วันที่ ๕ ก.ย. ‘๓๒
ที่โรงพยาบาลศิริราช จากตึกตั้งตรงจิต ย้ายมาตึกผะอบชั้น ๖ ได้เตียงแล้ว อยู่ กับเด็กๆ ตัวเล็กๆ ทั้งนั้นเลย
ได้รับคำสั่งมาแล้ว จะทำการเปลี่ยนลิ้นหัวใจแน่นอน ต้องห้ามทำงานหนักตลอดชีวิต ห้ามกินเค็มตลอดชีวิต ชีวิตการทำงาน ของเราหมดโอกาสทำงานหนักแล้ว รู้สึกเสียดาย แต่ คงทำงานอื่นได้หรอก
ในขณะรอฟังผล ว่าจะได้เตียง หรือ ไม่ จับเจออารมณ์จิตที่เราไม่อยากแย่งใครๆ เลย โชคดีที่เด็กที่เราคิดว่าเขาควรจะได้เตียง ก็ได้เตียงพร้อมเรา กำลังร้องไห้กันใหญ่ ตัวเล็กๆ ทั้งนั้น เด็กยังไม่มีกิเลสมาก ก็ร้องไห้ระงม หา แต่ แม่ ที่พึ่งใหญ่ ของเด็ก
ตึกนี้บรรยากาศดีมาก มี แต่ เด็กๆ น่ารักๆ ต่อจากร้องหาแม่ ก็ร้องไห้จะกลับบ้าน เราจะพากันติดยึดสิ่งที่ใกล้ตัวเสมอ ผู้ใหญ่ยิ่งผ่านโลกมาก ยิ่งมีสิ่งติดยึดมาก (ถ้าขาดธรรมะ)
วันที่ ๕ ก.ย. ‘๓๒
"ศิริราช"...เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ คงเพราะบรรยากาศที่แปลก จึงไม่เคยชิน
เด็กเลิกร้องแล้ว สอนให้รู้ว่า เด็กไม่ติดยึดอะไรนานนัก ผู้ใหญ่ต้องหัดใจแข็ง ช่วงนี้ไข้หวัดกำลังระบาด เด็กๆ เป็นไข้กันหลายคน
พยาบาลที่นี่ มีเมตตาดีมาก การบริการก็ดี
วันนี้ แม่ กับน้องมาเยี่ยม
(พบกันตอนอวสานในฉบับหน้า)
(สารอโศก อันดับ ๑๕๓ ฉบับที่ ๗-๘ ปีที่ ๑๒(๑๕) ก.พ.-มี.ค.๒๕๓๕)
ฝากไว้ในแดนธรรม ตอน ๑๒ (ตอนจบ)
ตอน เตรียมผ่าตัด !
วันที่ ๖ ก.ย. ‘๓๒
เมื่อคืน จับเจอว่าที่ไม่หลับเพราะที่นอนนิ่ม กับอากาศร้อน พยายามหลับ ตี ๕ ต้องพยายามตื่น
วันนี้อาจารย์จรัล มาตรวจอาการ ถ้าเราไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็คงจะได้จัดการผ่าวันจันทร์
ปากไม่เขียว แต่ ตาเขียวอยู่ (เพราะอากาศที่นี่ร้อน)
แม่ กับน้องมาเยี่ยมอีก ขน ของมาอีกมากมาย
วันพุธหลับนิดเดียว เพราะคนเดินกันไม่หยุด เราเป็นคนฟุ้งซ่าน เลยไม่หลับทั้งคืน
เช้าง่วง
มีเด็กทยอยกันเข้ามา ทั้งจุก และ แกละ และ ไม่มีทั้งสองอย่าง แต่ ที่เหมือนกันคือ ร้องไห้ คิดถึงบ้าน กับแม่กันระงม เด็กบางคนต้องการเพียงผู้เข้าใจ กับ เพื่อน ไม่ติดยึดตัวบุคคลนัก
มาที่นี่สอนอะไรเราเอ่ย
เราเองโตแล้ว ไม่ติดยึดบุคคล สถานที่ แต่ เราก็ยังติดยึด เสียดายเวลาที่ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
คติวันนี้ “อยู่ในโลก ถ้าช่วยอะไรใครได้ ควรทำให้คนอื่นมีความสุข”
วันที่ ๗ ก.ย. ‘๓๒
แม้มาอยู่ในโรงพยาบาล ก็ยังประมาท ไม่เคยคิดถึงความตายอยู่ดี
ได้คิด ก็ปล่อยวาง มีเท่านี้เล็กเท่านี้ แล้วค่อยไปแก้ไขปัญหากันใหม่
เมื่อวาน ทางวัด กับที่บ้านทยอยกันมาเยี่ยมจนเราปวดหลัง ของเยี่ยมก็ล้นแล้วล้นอีก ญาติธรรมที่มาให้เลือด ก็ยังอุตส่าห์ซื้อ ของมาฝาก ทำให้เด็กๆ ข้างเตียงได้รับน้ำใจจากพวกเรา จนอาการขาดความรักหายไป จิตวิญญาณในการแจกจ่ายเผื่อแผ่ความรัก ทำให้โลกนี้น่าอยู่อย่างมาก
ช่วงนี้ในโรงพยาบาล เป็นช่วงที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความรัก ความมีน้ำใจ
วันนี้นอนด้วยความสดชื่น เพราะนอน กับพัดลมตัวใหญ่ หลับสบายจนเช้ายังไม่ยอมลุก
คติวันนี้ "ชีวิตที่ไม่มีกฎเกณฑ์ เราต้องระวังอย่าติดจนต้องทุกข์ "
วันที่ ๘ ก.ย. ‘๓๒
ผลจากพัดลมที่ว่าสบาย คือ ขี้มูกไหล เจ็บคอ และ ไอ
วันนี้ผลจากการรับแขกมาก เสียดท้อง และ เหนื่อย หมอให้ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบแล้ว วันนี้ข้าวไม่กิน กินน้ำหวาน ถือว่ายาดีค่ะ
คติวันนี้ "น้ำใจที่ล้นหลาม ก็ทำให้เราทุกข์ได้" (ก็ทุกขขันธ์ในขณะนี้ไง)
วันที่ ๑๐ ก.ย. ‘๓๒
วันนี้พยายามอย่างยิ่งในการพยายามกินลงไปในท้อง แต่ ก็ยากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าผล ของการไม่กิน จะเกิดอะไรขึ้นหลังทำการผ่าตัด ( แต่ วันนี้ก็เหนื่อยน้อยกว่าเมื่อวาน)
คติวันนี้ "ความเจ็บป่วยเป็นทุกข์อย่างยิ่ง"
วันที่ ๑๑ ก.ย. ‘๓๒
กำหนดนัดผ่าตัดต้องเลื่อน! เพราะเรามีอาการปวดท้อง
วันที่ ๑๒ ก.ย. ‘๓๒
ที่ "ศิริราช"...ค่อยหายปวดท้อง มีแรงขึ้นมาหน่อย ก็เดินสำรวจไปทั่วๆ ชีวิตทุกคน ต้องมีความเกี่ยวข้อง ต้องมีสายสัมพันธ์ ทำอย่างไร จะไม่ทุกข์ กับสายสัมพันธ์
วันนี้เจออาจารย์กัมพล ประจวบเหมาะ ยังทรงภูมิสง่างาม ฟังอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ ดูคุยสนุก หมอที่ดีต้องละเอียด ปฏิภาณเยี่ยม ความจริงเราผ่าตัดช้านี่ก็โชคดีหลายอย่างนะ ได้พบ กับอาจารย์กัมพล ทั้งๆ ที่ท่านได้เกษียณอายุแล้ว วันนี้คงได้รับเชิญมาสอนพิเศษ
ในการศึกษา ทางโลก หรือ ธรรม สิ่งที่สำคัญ คือ การมีครู อาจารย์ ที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้ กับศิษย์
คติวันนี้ “ไหวพริบ ปฏิภาณ ความไม่ยอมแพ้ ไม่ท้อแท้ กับอะไรง่ายๆ จะนำมาซึ่งผลสำเร็จในที่สุด”
วันที่ ๑๔ ก.ย. ‘๓๒
เรามีนิสัยเสีย ใจร้อนจริง ไม่เคยอดทนอะไรได้นาน ต้องบ่นจนมีคนเดือดร้อน ในชีวิตทุกชีวิตในโลก ถ้าอยู่อย่างไม่มีธรรมะ อยู่ยากนะ ถ้าเรายึดถือ เราก็จะทุกข์
ได้ฟังประสบการณ์ จากผู้ที่ผ่าตัดก่อนหลายราย เราคงต้องอาศัยเจโตอย่างยิ่ง เราตั้งใจจะอดทนอย่างยิ่ง
วันนี้ก็ยังรบกวน ให้แม่ต้องลำบากอีก
มนุษย์ในโลกนี้ มีสิ่งที่เราอยู่ เพื่ออาศัยเรียนรู้จริต แม้ในเด็กเล็กๆ ก็รู้จักใช้มายา เรารู้ เพื่ออะไร เราจะอยู่อย่างเห็นแก่ตัว หรือ อยู่อย่างเสียสละ
คลื่นผัสสะที่กระทบเราทุกผัสสะ มีมา เพื่อให้เราวัดจิตใจ สติปัญญา ของเรา ว่าเรามีความอดกลั้น อดทน เสียสละแค่ไหน
วันที่ ๑๕ ก.ย. ‘๓๒
วันศุกร์อีกแล้ว คนในร้านทำให้เราตื้นตันใจ ตั้งไกลก็ยังอุตส่าห์เอาอาหารมาให้ "คุณสมชาย" อาสานำอาหารมาให้ อาแจ้ก็อุตส่าห์เจียดเวลามาเยี่ยม ในโลกนี้เราเกิดมาทำไมนะ ถ้าเกิดมาแล้วชีวิตไร้ค่า
ครั้งนี้เราคงกลับออกไปอย่างฉลาดขึ้นนะ รู้พักรู้เพียร
วันที่ ๑๗ ก.ย. ‘๓๒
พรุ่งนี้ คงพร้อม สุขภาพทั่วไปใช้ได้ อาการเหนื่อยก็ดี อยู่ในเกณฑ์ดี ตอนนี้ต้องกัดฟันที่สุดคือ ต้องพยายามอดทน ต่อสู้ กับความเจ็บปวดให้ได้มากที่สุด
วันที่ ๑๘ ก.ย. ‘๓๒
วันนี้ สุขภาพดี พร้อม แต่ สิ่งที่เตือนเราอยู่คือ คนไข้ร้องว่า "ทรมาน" เราปฏิบัติธรรมมาหลายปี จะทนได้เท่าไหร่กัน
และ ทั้งหมดนี้ก็คือ บันทึกสุดท้าย ก่อนที่ คุณลักขณา (เล็ก) จะเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ และ รักษาตัวอยู่จนเสียชีวิตไปในที่สุด เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
ชีวิตเธอผู้ดำรงวิถีอยู่บนเส้นทางแห่งสัมมากัมมันตะ ยามมีชีวิตอยู่ เธออยู่อย่างผู้เสียสละ ปฏิบัติธรรมอย่างเอาจริงเอาจัง และ เป็นประโยชน์ต่อสังคม
แม้ยามชีวิตหาไม่แล้ว เธอก็จากไปเพียงร่าง แต่ แบบอย่างความดีที่เธอทำ มันยังแฝง และ ยังย้ำในดวงใจเราทุกคน
จะเห็นได้ว่า ยามขณะป่วย ความพากเพียร ของเธอก็ไม่ลดละ แปรพลังป่วยมาเป็นบันทึกให้พวกเราได้ศึกษาจนกระทั่งวันนี้ และ นี่คือ..."ฝากไว้ในแดนธรรม"
คติสุดท้ายจากหน้าบันทึก...
"ผู้ให้ที่ดีเป็นอิสระจากการให้ ผู้รับที่ดีฝึกฝนการให้แทนการจดจำ"
หนังสือพิมพ์สารอโศก
อันดับที่ 153
ฉบับเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2535